ตราสัญลักษณ์ของ อบต.บ้านพลวง
ความเป็นมาของชื่อบ้านพลวง
ในอดีตการอพยพตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยใหม่ของราษฎรปัจจัยหลักที่สำคัญ คือแหล่งน้ำ ทั้งน้ำดื่ม น้ำใช้และน้ำเพื่อการเกษตร มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ตรงที่ตั้งบ้านพลวง หนองน้ำขนาดใหญ่นี้จะมีพืชน้ำชนิดหนึ่งคล้ายต้นกก ชาวบ้านเรียกต้น (พลวง) เป็นพืชน้ำที่เล็กกว่าต้นกกและ มีจำนวนมาก ทำให้ทุกคนตัดสินในตั้งชื่อหมู่บ้านตามหนองนี้และพืชชนิดนี้ คือ ต้นพลวง ซึ่งเป็นพืชน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่และมีจำนวนมากกว่าพืชน้ำชนิดอื่น ๆ
อีกประการหนึ่ง คือ บริเวณปราสาทหินโบราณรอบด้านสี่ทิศ มีร่องน้ำ หรือคูน้ำ ขนาดกว้าง ประมาณ ๘ – ๙ เมตร ยาวประมาณ ๒๐ – ๓๐ เมตร ด้านทิศเหนือ ทิศใต้และทิศตะวันตก จะเป็นบารายล้อมทั้งสามด้านของปราสาทหินศิลาแลง ซึ่งขอมได้สร้างไว้ตามประวัติศาสตร์ ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ คูน้ำจะเต็มไปด้วยพืชน้ำ คือ ต้นพลวง ซึ่งเป็นข้อมูลอีกข้อมูลหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าตั้งชื่อหมู่บ้าน ตำบล ตามชื่อพืชน้ำในพื้นที่ นอกจากนี้ ทางกรมศิลปากรได้สำรวจและบูรณะซ่อมแซม ปราสาทหินบ้านพลวง ให้คงทนถาวรและมีสภาพเหมือนเดิม ยกฐานะและประชาสัมพันธ์เป็นแหล่งท่องเที่ยว โบราณสถาน โบราณวัตถุสมัยขอมโบราณอีกด้วย
คนกลุ่มแรกที่อพยพมาอาศัยอยู่ในตำบลบ้านพลวง คือ
• กลุ่มที่ ๑ มาจากเขตอำเภอเมือง ซึ่งมีอาชีพในการตัดไม้ซุงของโรงเลื่อยจักรีศรีสุรินทร์
• กลุ่มที่ ๒ คนในพื้นที่ เพราะเป็นทางผ่านไปมา ระหว่างเมืองสุรินทร์กับสาธารณรัฐกัมพูชาทางช่องจอม เมื่อประชาชนที่ผ่านไปมา พบพื้นที่ท เหมาะสมกับอาชีพความเป็นอยู่ จึงตั้งบ้านเรือนอาศัยมาจนถึงปัจจุบัน
เดิมหมู่บ้านในตำบลบ้านพลวงอยู่ในตำบลกังแอน ได้แยกตั้งเป็นตำบลบ้านพลวง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งประกอบด้วย ๑๑ หมู่บ้าน ปี ๒๕๓๘ ได้แยกหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอีก เป็นหมู่ที่ ๑๒ เป็นบ้านกุมพะเนียง ต่อมาในปี ๒๕๔๔ ได้แยกบ้านสวายซอ ออกจากบ้านอำปึลกง ตั้งเป็น หมู่ที่ ๑๓ และปี ๒๕๔๗ แยกบ้านหนองพลวงเป็นหมู่ที่ ๑๔ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น ๑๔ หมู่บ้าน ดังนี้
หมู่ที่ ๑ บ้านพลวง
หมู่ที่ ๒ บ้านพลวงใต้
หมู่ที่ ๓ บ้านกันจาน
หมู่ที่ ๔ บ้านบัลลังก์
หมู่ที่ ๕ บ้านโคกตามอน
หมู่ที่ ๖ บ้านโคกตะเคียน
หมู่ที่ ๗ บ้านปังเม็ง
หมู่ที่ ๘ บ้านนิคมซอยสอง
หมู่ที่ ๙ บ้านอำปึลกง
หมู่ที่ ๑๐ บ้านตาโสร์
หมู่ที่ ๑๑ บ้านโคกเพชร
หมู่ที่ ๑๒ บ้านกุมพะเนียง
หมู่ที่ ๑๓ บ้านสวายซอ
หมู่ที่ ๑๔ บ้านหนองพลวง
ได้รับการยกฐานะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗